02 March 2012

แด่ชีวิตที่สุญเสียในซีเรีย

คุฏบะฮฺวันศุกร์
มัสยิดพัฒนาวิทยา อ.เมือง จ.ยะลา
9 รอบีอุล อาคีรฺ ฮ.ศ. 1433 ตรงกับ 2 มีนาคม 2555
"دمي جيوا يغترتيندس د سوريا"

โดย :
อ.ซูฮัยมีย์ อาแว แผนกวิชาสามัญ วิทยาลัยเทคนิคยะลา
e-mail : mipandan@gmail.com

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปราณีเสมอ
ความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่าน

พี่น้องผู้ศรัทธา ผู้ร่วมละหมาดญุมอัตทุกท่าน (ขออัลลอฮฺทรงเมตตา)

โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย พึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และจงอยู่อยู่ร่วมกับบรรดาผู้ที่พูดจริง

อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงกล่าวว่า

โอ้มนุษย์เอ๋ย เคราะห์กรรมที่ประสบแก่พวกเจ้าทั้งชีวิต และทรัพย์สินก็ดีก็เนื่องมากจากการฝ่าฝืนข้อบัญญัติที่พวกเจ้าได้กระทำไว้ และพระองค์ทรงอภัยความผิดอย่างมากมายให้แก่พวกเจ้า โดยที่พระองค์ไม่ทรงลงโทษมิฉะนั้นแล้วพวกเจ้าก็จะประสบความหายนะอยู่ร่ำไป (อัช-ชูรอ : 30)
และพระเจ้าของเจ้าจะไม่ทรงทำลายหมู่บ้านโดยอยุติธรรม (อัลลอฮฺทรงบริสุทธิ์จากการอธรรมต่อบ่าวของพระองค์ แต่พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาเพราะการดื้อดึงปฏิเสธและการกระทำผิด) โดยที่ประชากรของหมู่บ้านนั้นเป็นผู้ฟื้นฟูทำความดี ( ฮูด : 117)


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ใครก็ตามในหมู่พวกท่านที่เห็นความชั่วร้ายเขาจงเปลี่ยนแปลงมันด้วยมือของเขา หากเขาไม่สามารถก็ด้วยลิ้นของเขา และหากไม่สามารถก็ด้วยใจของเขา และนั้นคืออีมานที่อ่อนแอที่สุดแล้ว“ (เศาะฮีหฺ มุสลิม)

พี่น้องผู้ศรัทธา ผู้ร่วมละหมาดญุมอัตทุกท่าน (ขออัลลอฮฺทรงเมตตา)
ท่านศาสดา กล่าวว่า
“ อุปมาความรัก ความเอ็นดูเมตตา ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันของผู้ศรัทธา อุปมัยดั่งเรือนร่างเดียวกัน เมื่ออวัยวะส่วนใดเจ็บปวด ส่วนอื่นของร่างกายก็พลอยไม่ได้หลับไม่ได้นอนและไม่สบายไปด้วย” (บันทึกโดยอิมามบุคอรีย์ และอิมาม มุสลิม )
ประเทศซีเรีย เป็นปริมณฑลของรัฐบาลอิสลามในยุคคุลาฟาอุรรอชีดีนตั้งอยู่ในมณฑลชาม ปัจจุบันมีชื่อทางการว่า สาธาณรัฐอาหรับซีเรีย ปกครองโดยระบบสังคมนิยม มีพลเมือง 22 ล้านคน ประกอบด้วย มุสลิมซุนนีร้อยละ 75, ผู้นับถือชีอะห์อัล-อลาวียะห์ซึ่งเป็นศาสนาของ อัสซาด ร้อยละ 12 ส่วนที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยชาวคริสต์
ซีเรียเคยอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส และได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 1946 (๒๔๘๙) หรือเมื่อ ๖๖ ปีที่ผ่านมา ต่อมาในปี ค.ศ. 1970(๒๕๑๓) พันเอก Hafez al – Assad ได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจปกครองประเทศ และในปี ค.ศ. 1971 (๒๕๑๔) ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของซีเรียจนถึงอสัญกรรมเมื่อ มิถุนายน 2543 เดือนต่อมา บุตรชายของอดีตประธานาธิบดี Dr. Bashar Al-Assad ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของซีเรีย
ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เป็นฉนวนแห่งการต่อต้านรัฐบาลสังคมนิยมทหารของซีเรีย มาตรา ๘ ซึ่งกำหนดให้พรรคบาธเป็น “ผู้นำของรัฐและสังคม” ซึ่งก็เท่ากับว่าอำนาจผูกขาดของสมาชิกพรรคบาธที่มีมานับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติปี 1963 ซึ่งส่งผลให้บิดาของ อัสซาด ได้ขึ้นมาครองอำนาจในซีเรีย
อีกทั้งในรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันยังห้ามไม่ให้กลุ่มศาสนาก่อตั้งพรรคการเมืองเนื่องจากสังคมซีเรียที่มีพื้นฐานแบบ “พหุนิยม” และซีเรียในฐานะรัฐสังคมนิยม จึงกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญของตนมาตราที่ 60 ซึ่งระบุให้ผู้แทนราษฎรครึ่งหนึ่งของสภาจะต้องมาจาก “ผู้ใช้แรงงานและเกษตรกร” และถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจมาโดยตลอด
การประท้วงของประชาชนทีมีขึ้นในเดือนมีนาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา มีการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองการปกครองในหลาย ๆ ด้าน โดยสรุปดังนี้
1.ยกเลิกกฎหมายฉุกเฉิน หรือ Emergency Law ที่ถูกใช้มานานถึง ๔๘ ปี
2.หยุดพฤติกรรม “ศาลเตี้ย” ของรัฐบาล การฆ่า และการทรมานผู้แข็งข้อ
3.ปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง และกลุ่มผู้ประท้วงที่ถูกจับ
4.เปลี่ยนแปลงการปกครองให้เป็นประชาธิปไตย และมีความเป็นอิสระภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม
5.ให้อิสรภาพแก่สื่อสารมวลชน
6.ให้องค์กรตุลาการเป็นหน่วยงานอิสระ หยุดศาลเตี้ย และกฎอัยการศึก
7.ให้รัฐจ่ายค่าชดเชยแก่ผู้ที่โดนเนรเทศทางการเมือง บุคคลที่หายสาบสูญ และนักโทษทางการเมือง
จากข้อเรียกร้องทั้งหมดมีเพียงข้อที่ ๔ ที่รัฐบาล อัล-อัสซาด ได้รับปากจะดำเนินการทันที ซึ่งทางรัฐบาลอัล-อัสซาด ได้จัดให้มีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา ในขณะที่การกวาดล้างผู้ประท้วงยังดำเนินต่อไปในหลายพื้นที่
ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติ ลินน์ ปาสโก เปิดเผยในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ว่า กองกำลังรัฐบาลดามัสกัสสังหารพลเรือนไปแล้วมากกว่า 7,500 ราย ตลอดการประท้วง 11 เดือนที่ผ่านมา
ในเมืองฮอมส์ซึ่งอยู่ในการปิดล้อมของทหารรัฐบาล พลเรือนที่ขวัญหนีดีฝ่อต้องทนกับสภาพอดยาก ขาดอาหาร น้ำ และยารักษาโรค “มีรายงานที่เชื่อถือได้ระบุว่า มีคนเสียชีวิตเกินกว่า 100 คนต่อวันบ่อยครั้ง”
การประชุมของกลุ่ม “เฟรนด์ ออฟ ซีเรีย” ซึ่งมีชาติต่างๆ เข้าร่วมมากกว่า 60 ประเทศ ได้ข้อสรุปจากการหารือในกรุงตูนิส เมืองหลวงตูนิเซีย วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ โดยได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องการยุติความรุนแรงในทันที และประกาศมาตรการลงโทษรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย เพิ่มเติมที่รุนแรงยิ่งขึ้น

แถลงการณ์ของ เฟรนด์ ออฟ ซีเรีย มีดังนี้
ประณามรัฐบาลซีเรียอย่างรุนแรง ต่อการละเมิดสิทธิมนุษชนที่กระทำกันเป็นระบบในทุกๆ วัน เช่น “การสังหารและการประหารชีวิตผู้ประท้วงโดยสันติ การใช้ความรุนแรงทางเพศ และการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมต่อนักโทษหลายพันคน ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วย” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พฤติกรรมที่สมควรถูกประณาม จากการใช้รถถังและปืนใหญ่ “โจมตีที่อยู่อาศัยของพลเรือนในเมืองต่างๆ”

เรียกร้องให้นานาชาติบังคับใช้คำสั่งห้ามเดินทางเข้าประเทศต่อเจ้าหน้าที่ซีเรีย อายัดทรัพย์สิน และยุติการนำเข้าผลิตภัณฑ์ประเภทไฮโดรคาร์บอนจากซีเรีย ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และป้องกันการส่งอาวุธให้ซีเรีย
เฟรนด์ ออฟ ซีเรีย แสดงความกังวลเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในซีเรีย เช่น ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงอาหาร สถานพยาบาล และแหล่งน้ำมัน รวมถึง “การคุกคามและความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่แพทย์ ผู้ป่วย และสถานพยาบาล” กลุ่มเฟรนด์ ออฟ ซีเรีย ยังเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรีย “อนุญาตให้ยูเอ็นและหน่วยงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์ได้โดยเสรีและไม่ถูกขัดขวาง”
แถลงการณ์นี้เรียกร้องให้แก้ปัญหาด้วย “การเมือง” ตามแผนการของสันนิบาตอาหรับ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียปล่อยตัวนักโทษที่ถูกจับกุมโดยไม่มีความผิด และถอนกำลังทหารออกจากการปิดล้อมเมืองที่มีการชุมนุม
การกระทำอันโหดร้ายทารูณเหล่านั้นเป็นการทำบาปอันใหญ่หลวงในอิสลาม ท่านรซูลลุลอฮ(ศ็อลฯ) กล่าวในหะดิษบทหนึ่ง รายงานโดยอับดุลลอฮฺ บินมัสอูด กล่าวว่า ท่านรซูลลุลอฮ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า
“ไม่เป็นที่อนุมัติในเลือดของมุสลิมที่ได้กล่าวปฏิญญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และข้าคือศาสนทูตของพระองค์ ยกเว้นในสามกรณี ผู้ทำผิดประเวณีที่ผ่านการแต่งงาน ฆาตกรที่ฆ่าชีวิตมนุษยชาติ และผู้ละทิ้งศาสนาของตนและแยกตัวออกจากสังคมมุสลิม” มุตตะฟะกุนอะลัยฮฺ

ขออัลลอฮฺจงประทานความศิริมงคลแก่ท่านและข้าพเจ้า ด้วยอัล-กุรอานอันประเสริฐ และยังประโยชน์แก่ข้าพเจ้าและท่านด้วยหลักฐานที่ปรากฏในอัล-กุรอานและคำตักเตือนที่หลักแหลม และจงตอบรับจากข้าพเจ้าและท่านจากการอ่านอัล-กุรอาน เพราะแท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงได้ยินและทรงรอบรู้

ข้าพเจ้าขอลุแก่โทษจากอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่และแก่ท่านพร้อมทั้งบรรดามุสลีมีนทั้งหญิงและชาย และมุอฺมีนีนทั้งหญิงและชาย ขอได้โปรดให้อภัยแก่พวกเราด้วยเถิด อามีน
--------------------------------------------------------------------

จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่โดย : คณะกรรมการมัสยิดพัฒนาวิทยายะลา
จำนวนที่จัดพิมพ์ : 200 ชุด
สนับสนุนงบประมาณโดย : ร้านขายยาบ้านเภสัช

No comments:

Post a Comment

ความเห็นของคุณ
Pendapat Anda