24 December 2010
International Conference
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
Roles of Islamic Studies in Post Globalized Societies
21-23December2010
College of Islamic Studies,
Prince of Songkla University,Pattani Campus,Thailand
22 December 2010
เอแบคโพลล์ เผยนักเรียนนักศึกษา จากป. 5 ถึงปริญญาเอกดื่มเหล้า 3,631,706 คน สูบบุหรี่ 1 ล้านคน
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจต่อเนื่องภายใต้โครงการวิจัยเพื่อเฝ้าระวังรักษาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนไทย เรื่อง ประมาณการตัวเลขนักเรียน นักศึกษาผู้ใช้ยาเสพติด จากตัวอย่างนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ (ป.) 5 ถึงนักศึกษาปริญญาเอกทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 21,572 ตัวอย่าง ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-21 ธันวาคม 2553
ผลวิจัยพบว่า นักเรียนนักศึกษาชายมีสัดส่วนของคนที่สูบบุหรี่และดื่มเหล้าสูงกว่านักเรียนนักศึกษาหญิง คือร้อยละ 15.8 ต่อร้อยละ 5.1 สูบบุหรี่ และร้อยละ 33.8 ต่อร้อยละ 27.9 ดื่มเหล้า
เมื่อทำการประมาณการจำนวนตัวเลขนักเรียน/นักศึกษาที่ดื่มเหล้าจากกลุ่มเป้าหมาย 9,240,981 คน พบว่ามีนักเรียนนักศึกษาตั้งแต่ป.5 ถึงปริญญาเอกดื่มเหล้า 3,631,706 คน และสูบบุหรี่ 1,090,436 คน
แต่ที่น่าเป็นห่วงต่อคุณภาพเด็กและเยาวชนของประเทศคือ จำนวนเด็กนักเรียน/นักศึกษาตั้งแต่ป. 5 จนถึงปริญญาเอกที่ใช้ยาเสพติด ไม่นับรวมเหล้าบุหรี่ ยานอนหลับ ไม่นับรวมยาแก้ปวด พบว่า มีนักเรียนนักศึกษาที่ใช้ยาเสพติด 711,556 คน
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อจำแนกตามประเภทตัวยาเสพติดที่ใช้กันในกลุ่มนักเรียน/นักศึกษาตั้งแต่ป. 5 ถึงปริญญาเอก พบว่า มีจำนวน 316,110 ใช้กัญชา อีก 298,480 คน ใช้กระท่อม ใช้สาระระเหย 214,020 คน ใช้ยาบ้า 148,010 คน สี่คูณร้อย 134,480คน ยาไอซ์ 100,040 คน ยาอี อ็กซ์ตาซี ยาเลิฟ 63,550 คน และใช้ยาเค เคตามีน 53,300 คน ที่เหลืออีก 65,880 คน ใช้ยาเสพติดอื่นๆ เช่น เฮโรอีน มอร์ฟีน โคเคน เป็นต้น
ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ ผลการใช้หลักสถิติวิจัยพบว่า นักเรียน/นักศึกษาตั้งแต่ป. 5 จนถึงปริญญาเอก ที่สูบบุหรี่มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดสูงกว่าเด็กนักเรียน นักศึกษาที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 9 เท่า หรือ 9.052 เท่า และเด็กนักเรียนนักศึกษาที่ดื่มเหล้ามีโอกาสเข้าไปใช้ยาเสพติดสูงกว่าเด็กนักเรียนนักศึกษาที่ไม่ดื่มสูงถึง 4 เท่า หรือ 4.413 เท่า
นอกจากนี้ คณะผู้วิจัยยังได้ทำการสำรวจกลุ่มข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับ รองผู้กำกับและสารวัตรหัวหน้าสถานีตำรวจจำนวน 612 แห่งทั่วประเทศ พบว่าสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.0 บอกว่า อาวุธของขบวนการค้ายาเสพติดมีประสิทธิภาพมากกว่า อาวุธประจำกายของตำรวจ ในขณะที่ร้อยละ 31.0 ระบุว่า อาวุธประจำกายของตำรวจมีประสิทธิภาพมากกว่า
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ถ้าตำรวจประสบเหตุต่อสู้กับขบวนการค้ายาเสพติด ร้อยละ 34.4 ระบุมีปัญหาประสานงานล่าช้าจากทหารในการเข้าถึงที่เกิดเหตุ ในขณะที่ร้อยละ 32.6 ระบุมีการประสานงานล่าช้าในการเข้าถึงที่เกิดเหตุจากฝ่ายปกครอง ในขณะที่ร้อยละ 11.1 ระบุมีปัญหาประสานงานล่าช้าเข้าถึงที่เกิดเหตุจากทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายปกครอง และร้อยละ 21.9 ไม่คิดเช่นนั้น
สำหรับข้อเสนอแนะพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.1 ระบุงบประมาณในการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด รองลงมาคือ ร้อยละ 39.1 ระบุอุปกรณ์การตรวจสารเสพติด อาวุธประจำกาย ร้อยละ 14.9 ระบุความทันสมัยของเครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ ร้อยละ 13.5 ระบุการเลื่อนขั้น เพิ่มสวัสดิการ รองๆ ลงไปคือ การปรับปรุงกฎหมาย สนับสนุนการปราบปรามยาเสพติดมากขึ้น เพิ่มความรวดเร็วเมื่อประสบเหตุ และกำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่จากฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง ยานพาหนะ ค่าน้ำมัน การอบรมด้านการใช้อาวุธ ให้ความสำคัญเด็ดขาดกับผู้ค้ายาเสพติด และวางนโยบายหลักในการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง เป็นต้น
ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชนกล่าวว่า “รั้วโรงเรียน” ตามแนวนโยบายของรัฐบาลอาจได้รับความพึงพอใจตามความรู้สึกของสาธารณชน แต่ในข้อเท็จจริงที่ปรากฏของผลวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า รั้วโรงเรียนยังมีปัญหาเพราะปัญหายาเสพติดในกลุ่มนักเรียนนักศึกษายังมีให้ปรากฏอยู่เป็นจำนวนมาก และการทำงานเชื่อมประสานกันระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องก็มีปัญหา มีช่องว่างเกิดขึ้นในทางปฏิบัติ วัสดุอุปกรณ์ อาวุธประจำกายของเจ้าหน้าที่ก็ได้รับการยืนยันจากผู้ปฏิบัติว่าด้อยประสิทธิภาพกว่าอาวุธของขบวนการค้ายาเสพติด การเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงไปถึงมือผู้ใต้บังคับบัญชาต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มข้นว่า พวกเขาที่เสี่ยงภัยในพื้นที่เหล่านั้นได้รับเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ตกค้างในมือของผู้บังคับบัญชาระดับสูง
“ดังนั้น รัฐบาลและกลไกของรัฐในทุกระดับต้องกระชับลดช่องว่างในการปฏิบัติการตามแนวนโยบายโดยในระยะสั้นน่าจะเร่งสนับสนุนการทำงานเต็มรูปแบบไปยังสถานีตำรวจทุกสถานีให้พร้อมรองรับการร้องเรียนจากสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อ “เคลียร์” ให้จบในระดับพื้นที่ไม่ปล่อยให้ลุกลามบานปลาย เพราะปัญหายาเสพติดมันเกินขอบเขตความสามารถของผู้บริหารสถาบันการศึกษาจะแก้ไขได้เพียงลำพัง สุดท้าย รัฐบาลน่าจะลองพิจารณาให้การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมทำหน้าที่ตรวจสอบหน่วยงานของรัฐอย่างเข้มข้นอีกชั้นหนึ่ง” ดร.นพดลกล่าว
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่าตัวอย่างร้อยละ 58.1 เป็นชาย ร้อยละ 41.9 เป็นหญิง ตัวอย่างร้อยละ 38.1 อายุต่ำกว่า 15 ปี ร้อยละ 42.7 อายุระหว่าง 15-20 ปี ร้อยละ 10.2 อายุระหว่าง 21-25 ปี และร้อยละ 9.0 อายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 21.2 กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษา ร้อยละ 33.8 กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษา ร้อยละ 13.0 กำลังศึกษาอยู่ในระดับ ปวช. ร้อยละ 11.8 กำลังศึกษาอยู่ในระดับ ปวส. ร้อยละ 9.8 กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี และร้อยละ 10.4 กำลังศึกษาอยู่ในระดับสูงกว่าปริญญาตรี
source:Matichon online
Abbas didakwa minta Israel serang Hamas
BAITULMAQDIS 21 Dis. - Anggota parti Fatah pimpinan Presiden Palestin, Mahmud Abbas didakwa meminta Israel untuk menyerang kumpulan pembangkang Hamas pada 2007, menurut kabel diplomatik yang didedahkan oleh WikiLeaks.
Pendedahan terbaru yang memetik kenyataan ketua agensi keselamatan Israel, Shin Bet kepada pegawai Amerika Syarikat (AS) itu mendakwa, pegawai Fatah di Genting Gaza telah meminta bantuan untuk menentang peningkatan pengaruh Hamas.
"Mereka menghampiri situasi hasil sifar dan meminta kami untuk menyerang Hamas. Mereka terdesak," kata ketua Shin Bet, Yuval Diskin kepada pegawai AS.
Menurut Diskin, agensi keselamatan Israel mempunyai 'hubungan sangat baik' dengan perkhidmatan keselamatan Abbas, di mana mereka berkongsi hampir semua maklumat perisikan dengan Shin Bet.
"Mereka tahu bahawa keselamatan Israel adalah tunjang kepada kewujudan mereka dalam bergelut dengan Hamas di Tebing Barat," katanya ketika perbincangan pada Jun 2007.
Pendedahan pakatan sulit dengan Israel untuk menentang pergerakan penduduk Palestin lain itu kemungkinan besar akan memalukan Abbas dan Fatah.
Hamas dan Fatah mempunyai hubungan yang tegang selama beberapa tahun dan kemarahan memuncak apabila kumpulan Islam itu memenangi pilihan raya pada 2006.
Setahun kemudian, sejurus selepas kenyataan Diskin pada 2007, Hamas menumpaskan Fatah dalam pertempuran berdarah di Genting Gaza dan menguasainya.
Pendedahan kabel ini adalah sebahagian daripada kebanjiran fail diplomatik AS yang diterbitkan di dalam talian oleh WikiLeaks dan mencetuskan kemarahan serta memalukan kerajaan di seluruh dunia. - AFP
THE WORST ACCIDENT
Fire and rescue department personnel search for survivors of the ill-fated tourist bus which crashed in Malaysia on December 20. Twenty-seven people, including 25 Thai nationals, were killed when their bus hit a divider and overturned on its way down from Cameron Highlands, in what is possibly the worst road accident in Malaysian history. Saiful Bahri
Source : The Star Published on 21-12-2010
20 December 2010
Prohibition on celebrating the festivals of the kuffaar
Diharamkannya Memperingati Hari-hari Raya Orang Kafir
การร่วมงานวันรื่นเริงของผู้ไม่ใช่มุสลิมและการกล่าวอวยพร
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
Apakah boleh berpartisipasi dengan kalangan non muslim dalam Hari-hari Raya mereka, seperti hari ulang tahun misalnya?
Is it permissible for Muslims to take part in their festivals, such as Christmas?
คำถาม : อนุญาตให้ร่วมงานฉลองวันรื่นเริงที่สำคัญของชาวคริสเตียนและกล่าวอวยพรแก่พวกเขาหรือไม่ ?
Al-Hamdulillah. Seorang muslim tidak boleh berpartisipasi dalam hari-hari perayaan mereka dan turut menunjukkan kegembiraan dan keceriaan bersama mereka dalam memperingatinya, atau ikut libur bersama mereka, baik itu peringatan yang bersifat keagamaan atau keduniawiaan. Karena itu menyerupai musuh-musuh Allah yang memang diharamkan, selain juga berarti menolong mereka dalam kebatilan. Diriwayatkan dengan shahih dari Rasulullah Shallallahu 'alaihi wa sallam bahwa beliau bersabda:
"Barangsiapa yang menyerupai satu kaum berarti termasuk golongan mereka."
Sementara Allah juga berfirman:
"Bertolong-tolonganlah dalam kebaikan dan ketakwaan dan janganlah bertolong-tolongan dalam dosa dan permusuhan; bertakwalah kepada Allah, sesungguhnya Allah itu Maha Keras siksanya.." (QS.Al-Maa-idah : 2)
Maka kami nasihat agar Anda menelaah kibat Iqtidhaa-ush Shiratil Mustaqiem karya Ibnu Taimiyyah -Rahimahullah-- sebuah buku yang amat bermutu sekali dalam persoalan tersebut. Wabillahit Taufiq. Semoga shalawat dan salam terlimpahkan kepada Nabi Muhammad Shallallahu 'alaihi wa sallam.
Al-Lajnah Ad-Daa-imah Lil Buhuts Ilmiyyah wal Iftaa. Fatwa nomor 2540
........
Praise be to Allaah.
It is not permissible for the Muslim to join the kuffaar in their festivals and to express joy and happiness on these occasions, or to take the day off work, whether the occasion is religious or secular, because this is a kind of imitating the enemies of Allaah, which is forbidden, and a kind of co-operating with them in falsehood. It was proven that the Messenger of Allaah (peace and blessings of Allaah be upon him) said: “Whoever imitates a people is one of them.” And Allaah says (interpretation of the meaning):
“Help you one another in Al‑Birr and At‑Taqwa (virtue, righteousness and piety); but do not help one another in sin and transgression. And fear Allaah. Verily, Allaah is Severe in punishment”[al-Maa'idah 5:2]
We advise you to refer to the book Iqtidaa’ al-Siraat al-Mustaqeem by Shaykh al-Islam Ibn Taymiyah (may Allaah have mercy on him), for it is very useful on this topic. [Translator’s note: This book is available in English under the title “The Right Way,” published by Darussalam, Riyadh].
And Allaah is the source of strength. May Allaah bless our Prophet Muhammad and his family and companions, and grant them peace.
Standing Committee on Academic Research and Issuing Fatwas, Fatwa no. 2540.
..............
คำตอบ : อัลหัมดุลิลลาฮฺ ท่านอิบนุล ก็อยยิม ได้กล่าวว่า ไม่อนุญาตให้มุสลิมร่วมงานในวันฉลองของผู้ไม่ใช่มุสลิม ซึ่งบรรดาอุละมาอ์ต่างมีความเห็นตรงกันในประเด็นนี้ บรรดาฟุเกาะฮาอ์(นักนิติศาสตร์อิสลาม)ในมัซฮับทั้งสี่ต่างให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนในตำราของพวกเขา ... อัลบัยฮะกีย์ได้รายงานด้วยสายรายงานที่เศาะฮีหฺจากอุมัร เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ท่านกล่าวว่า "อย่าได้เข้าไปหาพวกมุชริกีนในโบสถ์ในวันเฉลิมฉลองของพวกเขา เพราะความพิโรธ(ของอัลลอฮฺ)จะลงมายังพวกเขาเหล่านั้น" ท่านอุมัร ยังได้กล่าวอีกว่า "จงอยู่ให้ห่างจากศัตรูของอัลลอฮฺในวันเฉลิมฉลองของพวกเขา" อัลบัยฮะกีย์ ยังได้รายงานจากอิบนุ อัมร์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา ด้วยสายรายงานที่ดีว่า "ใครที่ผ่านเมืองของพวกอะญัม(บรรดาคนที่ไม่ใช่อาหรับมุสลิม)แล้วไปร่วมงานฉลองวันนัยรูซ (Nayrouz วันขึ้นปีใหม่ของชาวอียิปต์โบราณที่ชาวคริสต์ออโธด็อกซ์นำมาใช้-ผู้แปล)และเทศกาลของพวกเขา และเลียนแบบพวกเขาจนกระทั่งเสียชีวิตในสภาพเช่นนั้น เขาจะถูกต้อนให้ชุมนุมพร้อมๆ พวกเขาในวันกิยามะฮฺ" (ดู อะห์กาม อะฮฺลิล ซิมมะฮฺ 1:723-724)
คำตอบโดย เชคมุหัมมัด ศอลิหฺ อัล-มุนัจญิด
Sumber ISLAM QA
Subscribe to:
Posts (Atom)