27 January 2010

มุสลิมเครียด ฝรั่งเศสเตรียมออกกม.ห้ามหน่วยงานรัฐให้บริการสตรีสวมใส่อาภรณ์ปกคลุมทุกส่วนของร่างกาย

เว็บไซต์ไทม์ส ออนไลน์ รายงานว่าเมื่อวันที่ 26 มกราคม ว่า การควบคุมไม่ให้สตรีมุสลิมแต่งตัวโดยปกคลุมทุกส่วนของร่างกายยกเว้นดวงตา (นิกอบ) ใกล้จะสำเร็จสมบูรณ์ในประเทศฝรั่งเศส และมีรายงานว่าผู้แต่งกายแบบดังกล่าวจะไม่ได้รับบริการจากที่ทำการไปรษณีย์ มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล สถานที่ของรัฐ รวมทั้งระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 25 มกราคม ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส ได้ลงนามรับรองร่างกฎหมายของคณะกรรมาธิการร่วมจากทุกพรรคการเมือง ที่เสนอให้เพิ่มความเข้มงวดในทางกฎหมายต่อสตรีมุสลิมที่แต่งตัวโดยปกคลุมร่างกายทุกส่วนยกเว้นดวงตาของตนเอง นอกจากนั้น เมื่อสัปดาห์ก่อน นายซาร์โกซีได้กล่าวว่า การแต่งกายแบบนิกอบของสตรีมุสลิม "ขัดแย้งกับระบบคุณค่าของประเทศฝรั่งเศส และอุดมคติที่เชื่อในเกียรติยศศักดิ์ศรีของผู้หญิง" โดยคณะกรรมาธิการร่วมชุดนี้ทำการรับฟังความเห็นจากผู้นำศาสนา นักสิทธิมนุษยชน และบุคคลต่าง ๆ เป็นเวลา 5 เดือน อย่างไรก็ตาม ฉันทามติของพวกเขาที่เห็นชอบให้มีการห้ามใส่ชุดนิกอบกลับนำสังคมฝรั่งเศสเข้าสู่ความสับสนอลหม่านอีกครั้ง รวมทั้งยังนำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากภายนอกประเทศอีกด้วย คาดว่ารัฐสภาฝรั่งเศสจะพิจารณาร่างกฎหมายที่ถูกเสนอโดยคณะกรรมาธิการร่วมดังกล่าวในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ และหากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภา สตรีมุสลิมที่สวมใส่อาภรณ์ปกคลุมทุกส่วนของร่างกายยกเว้นดวงตาจะถูกปฏิเสธไม่ให้ได้รับบริการสาธารณะต่าง ๆ เช่น การใช้ระบบขนส่งมวลชน การเข้าชั้นเรียนในมหาวิทยาลัย รวมทั้งผลประโยชน์อื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก มีการวิเคราะห์ว่าการออกมาแสดงท่าทีรณรงค์กฎหมายดังกล่าวของประธานาธิบดีซาร์โกซีครั้งนี้ ถือเป็นความพยายามในการเพิ่มคะแนนนิยมของเขา อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจความเห็นสาธารณะ มีสตรีมุสลิมทุก 2 จาก 3 คน ที่ต้องการแต่งกายแบบนิกอบ และแม้สตรีที่แต่งกายเช่นนั้นจะยังเป็นคนกลุ่มน้อยในสังคมอยู่ ทว่าก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นในหมู่กลุ่มเยาวชนที่เชื่อในลัทธินิยมคำสอนรากฐานของศาสนาอิสลาม ซึ่งคนกลุ่มนี้จะกลายเป็นคนนอกกฎหมายทันทีหากกฎหมายของคณะกรรมาธิการร่วมผ่านสภา ประเทศฝรั่งเศสมีประชากรมุสลิมอยู่ประมาณ 5 ล้านคน โดยผู้นำศาสนาคนหนึ่งเคยกล่าวกับคณะกรรมาธิการร่วมของรัฐสภาว่า "การแต่งกายแบบนิกอบไม่ได้รับความนิยมในหมู่สตรีมุสลิมส่วนใหญ่ แต่หากกฎหมายฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบจากสภา ก็จะกระตุ้นให้คนมุสลิมเหล่านั้นมีอารมณ์ความรู้สึกต่อต้านรัฐมากยิ่งขึ้น" ReadMore(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1264500556&grpid=&catid=02)

No comments:

Post a Comment

ความเห็นของคุณ
Pendapat Anda